fbpx

ไขข้อสงสัย คลอดลูกแบบไหนดี!?

ทุกคนรู้กันมั้ยคะว่านอกจาก Pynpy’ จะเป็นเพื่อนซี้ของเหล่ามนุษย์เมนส์แล้ว Pynpy’ ก็ยังเป็นเพื่อนคู่ใจของเหล่าคุณแม่ทั้งมือใหม่และมือเก่าด้วยนะคะ วันนี้เหล่าคุณแม่เตรียมเฮกันได้เลยค่ะ เพราะหัวข้อที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้เป็นเรื่องของเหล่าคุณแม่นั่นเองค่ะ

pregnant woman holding ultrasound scan on her tummy

ไหนๆ ขอเสียงคนที่กำลังจะเป็นคุณแม่มือใหม่หน่อยเร้ววว~ มีคุณแม่คนไหนเคยสงสัยมั้ยคะว่า จะคลอดเบบี๋เนี่ยควรคลอดแบบไหนดี? แล้วการคลอดลูกนั้นมีแบบไหนบ้าง Pynpy’ จะคลายข้อสงสัยเหล่านี้ให้เอง!

จริงๆ แล้วการคลอดลูกมีแบบไหนบ้างนะ?

การคลอดลูกนั้นมีทั้งหมด 3 แบบหลักๆ ด้วยกันค่ะ นั่นก็คือการคลอดลูกแบบธรรมชาติ การคลอดลูกแบบผ่าคลอด และการคลอดลูกแบบคลอดในน้ำ ซึ่งการคลอดลูกแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือการคลอดลูกแบบธรรมชาติและการผ่าคลอดนั่นเองค่ะ

pregnant woman

แต่การคลอดแต่ละแบบมันต่างกันยังไงบ้างล่ะ? แล้วควรจะคลอดแบบไหนถึงจะดีที่สุด? ข้อดี-ข้อเสียของการคลอดแต่ละแบบมีอะไรบ้าง? มาค่ะ เรามาทำความรู้จักกับการคลอดแต่ละแบบไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า~

1. การคลอดแบบธรรมชาติ

การคลอดแบบธรรมชาติ หรือ Active Birth เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ สำหรับบรรดาเหล่าคุณแม่เลยล่ะค่ะ สาเหตุนั่นก็เป็นเพราะว่าการคลอดแบบธรรมชาติเป็นวิธีการคลอดที่ปลอดภัยสำหรับทั้งคุณแม่และเบบี๋ในครรภ์ และไม่มีการใช้ยาใดๆ กับตัวคุณแม่อีกด้วยนะคะ เพราะการคลอดแบบธรรมชาตินั้นไม่นับว่าเป็นการผ่าตัดนั่นเองค่ะ

Childbirth doctor helping caucasian woman deliver baby

การคลอดแบบธรรมชาติมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?

แต่ก่อนจะเลือกวิธีการคลอดใดๆ คุณแม่ก็ต้องไม่ลืมที่จะตรวจสอบข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธีการคลอดด้วยนะคะ ซึ่งข้อดีและข้อเสียของการคลอดแบบธรรมชาตินั้นก็มีดังนี้ค่ะ

ข้อดี

  • ฟื้นตัวเร็วหลังคลอด
  • เสียเลือดน้อย
  • สามารถให้นมเบบี๋ได้ทันทีหลังคลอด
  • ไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด

ข้อเสีย

  • ใช้เวลาในการคลอดนาน
  • ไม่สามารถกำหนดวันคลอดได้
  • เจ็บแผลหลังคลอด
  • มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอดและอาจต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าคลอด

หลังจากทำความรู้จักกับการคลอดแบบธรรมชาติกันมาพอสมควรแล้ว เราไปลุยกันต่อกับวิธีต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ~

2. การคลอดแบบผ่าคลอด

การผ่าคลอด หรือ Cesarean Section (C-Section) คือการผ่าคลอดด้วยการผ่าตัดแทนการคลอดแบบธรรมชาติทางช่องคลอดค่ะ ซึ่งการคลอดแบบผ่าคลอดนั้นกำลังได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในบรรดาคุณแม่สายมูที่อยากกำหนดฤกษ์งามยามดีในการคลอดลูกนั่นเองค่ะ

C-Section ways of giving birth

การคลอดแบบผ่าคลอดมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?

เช่นเคยค่ะ เราต้องมาศึกษาข้อดีและข้อเสียของการคลอดแบบผ่าคลอดกันด้วยนะคะ ซึ่งข้อดี-ข้อเสียของการผ่าคลอดนั้นก็มีตามนี้เลยค่ะ

ข้อดี

ข้อเสีย

  • ฟื้นตัวช้าหลังคลอด
  • เสียเลือดมาก
  • อาจมีภาวะแทรกซ้อนเมื่อเจ็บครรภ์ครั้งต่อไป
  • ค่าใช้จ่ายสูง
  • เจ็บแผลนาน

ต่อไปเราไปลุยกันกับวิธีการคลอดวิธีสุดท้ายที่ Pynpy’ เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะยังไม่รู้จักการคลอดวิธีนี้มากนักแน่นอน นั่นก็คือ “การคลอดในน้ำ” นั่นเองค่ะ!

3. การคลอดในน้ำ

ถ้าให้เลือก ฉันก็จะเลือกคลอดในน้ำอีกครั้งนั่นแหละ ฉันก็อธิบายไม่ได้น่ะนะ แต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ธรรมชาติที่สุดในการคลอดลูก แถมในขณะเดียวกันก็เป็นวิธีที่นุ่มนวลที่สุดในการต้อนรับเบบี๋มาสู่โลกนี้อีกด้วย

Coleen Garcia, YouTuber จากช่อง The Crawfords

การคลอดลูกในน้ำ หรือ Water Birth เป็น 1 ในการคลอดธรรมชาติ เพียงแต่คุณแม่เปลี่ยนจากการคลอดบนเตียงมาเป็นคลอดในสระหรืออ่างน้ำและเติมน้ำให้ท่วมครรภ์เท่านั้นเองค่ะ ซึ่งการคลอดในน้ำนั้นอาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในประเทศไทยมากนัก แต่วิธีนี้ได้รับความนิยมในต่างประเทศมากๆ เลยนะคะ ขนาดที่ว่ามีคุณแม่สาย YouTuber จำนวนไม่น้อยทำคลิปรีวิวเอาไว้เลยล่ะค่ะ

Pragnant woman giving water birth

การคลอดในน้ำมีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง?

และเพราะว่าการคลอดในน้ำยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก การศึกษาเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้จึงสำคัญมากเลยค่ะ ซึ่ง Pynpy’ ก็ได้รวบรวมมาให้แล้วค่ะ~

ข้อดี

  • ฟื้นตัวหลังคลอดได้เร็ว
  • ใช้แรงในการเบ่งน้อย
  • เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
  • มดลูกหดตัวได้ดีขึ้น
  • เจ็บน้อยกว่าการคลอดธรรมชาติ

ข้อเสีย

  • เบบี๋อาจหายใจลำบากเมื่ออยู่ใต้น้ำ
  • เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • สายสะดืออาจฉีกขาด

เป็นยังไงบ้างคะ? เหล่าคุณแม่มือใหม่มีตัวเลือกที่ชอบกันบ้างแล้วหรือยังเอ่ยย แต่ Pynpy’ ต้องบอกเลยนะคะว่าไม่มีการคลอดแบบไหนที่ “ดีที่สุด” มีแต่การคลอดแบบที่ “เหมาะกับคุณแม่และเบบี๋” ที่สุด เพราะฉะนั้นคุณแม่เลือกวิธีการคลอดแบบที่ชอบได้เลยค่ะ! เพราะถ้าคุณแม่แฮปปี้ เบบี๋ก็จะแฮปปี้ไปด้วยยังไงล่ะคะ 😀

อ๊ะๆ แต่นอกจากจะเลือกวิธีการคลอดอย่างระมัดระวังแล้ว การดูแลตัวเองหลังคลอดของคุณแม่ก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด!

How To ดูแลตัวเองหลังคลอด

หลังจากที่การคลอดเบบี๋ผ่านไปด้วยดี คราวนี้ก็ถึงตาคุณแม่ดูแลตัวเองบ้างแล้วล่ะค่ะ ซึ่ง Pynpy’ ก็ได้รวบรวม How To ดูแลตัวเองหลังคลอดมาให้เหล่าคุณแม่แล้ว ไปดูกันเลยค่ะ~

Mother breastfeeding her baby
  • ดูแลแผลหลังคลอดให้ดี หมั่นทำความสะอาดแผลที่ได้จากการคลอดเบบี๋ให้สะอาดอยู่เสมอ
  • คุณแม่ไม่ควรยกของหนัก ออกกำลังกายหักโหมหรือออกแรงกับสิ่งใดนานๆ
  • ดูแลและทำความสะอาดบริเวณน้องสาวอยู่เสมอ เพราะหลังคลอดคุณแม่จะมี “น้ำคาวปลา” ไหลออกมาอยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์

นี่ล่ะค่ะ How To ดูแลตัวเองหลังคลอดแบบง่ายๆ ที่ Pynpy’ รวบรวมมาให้เหล่าคุณแม่ทุกคน แต่เอ~ จากทุกข้อที่พูดมา มีใครคิดเหมือน Pynpy’ มั้ยคะว่าปัญหาน้ำคาวปลาเนี่ยคือปัญหาโลกแตกชัดๆ!

แต่ Don’t Worry ค่ะ! เพราะ Pynpy’ มี Item ที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถจัดการกับปัญหาน้ำคาวปลาได้อย่างไร้กังวลมาฝากบรรดาคุณแม่ด้วยล่ะค่ะ!

กางเกงในอนามัย Pynpy’ เพื่อนซี้คู่ใจคุณแม่มือใหม่!

นอกจากจะต้องดูแลน้องจิมิโกะให้สะอาดอยู่เสมอจากปัญหาน้ำคาวปลาหลังคลอดและปัสสาวะเล็ด คุณแม่ก็ยังจะต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยอยู่บ่อยๆ ด้วยนะคะ ซึ่งตอนเลี้ยงเบบี๋เนี่ยจะให้ลุกไปเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชั่วโมงก็คงจะเป็นไปไม่ได้ นี่เลยค่ะ กางเกงในอนามัย Pynpy’ ตัวช่วยสุดเริ่ดสำหรับเหล่าคุณแม่!

กางเกงในอนามัย Pynpy'

เพราะกางเกงในอนามัย Pynpy’ เขาทั้งซึมซับเร็ว แห้งไว สามารถระบายอากาศได้ดี ใส่ได้นาน 8-12 ชั่วโมง หมดปัญหาต้องทิ้งเบบี๋ไปเปลี่ยนผ้าอนามัยไปได้เลยค่ะ

exercises to reduce urine incontinence for elderly

แถมกางเกงในอนามัย Pynpy’ เขายังมีไซส์หลากหลายให้เหล่าคุณแม่ได้เลือกใส่ หุ่นหลังคลอดจะเป็นแบบไหนก็ใส่ได้ นอกจากนี้คุณแม่คนไหนที่ผ่าคลอดก็ยังสามารถเลือกใส่กางเกงในอนามัย Pynpy’ รุ่น Seamless High Waist เพื่อช่วยปิดแผลผ่าคลอดได้ด้วยนะคะ แถมวิธีทำความสะอาดก็สุดจะง่าย และหลังจากหมดปัญหาน้ำคาวปลา คุณแม่ก็ยังสามารถหยิบกางเกงในอนามัย Pynpy’ มาใส่ในตอนมีเมนส์ได้อีก คุ้มกว่านี้จะมีอีกเหรอคะ!

Pynpy' period underwear

คุณแม่คนไหนสนใจ กางเกงในอนามัย Pynpy’ เขาก็มีช่องทางสั่งซื้อมากมายเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อออนไลน์ หรือจะติดต่อสอบถามผ่านทาง YouTube, Facebook, Twitter, Instagram หรือ Line เขาก็มีพร้อม ใครได้ลองแล้วอย่าลืมมารีวิวให้ Pynpy’ ฟังด้วยน้า