“ฉันไม่รู้จักสิทธิใดๆ เลยนอกจากสิทธิมนุษยชน ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิทธิของผู้ชายและสิทธิของผู้หญิง”
Angelina Grimke นักเคลื่อนไหวทางการเมือง
จากคำพูดที่ว่าหลายๆ คนอาจจะงงกันใช่มั้ยล่ะคะ แต่จริงๆ แล้วคำพูดนั้นสุดแสนจะง่ายดายเลยค่ะ เพราะสิทธิมนุษยชนคือสิทธิของคนทุกคนบนโลกใบนี้โดยไม่แบ่งแยกชาติ ศาสนา เพศ ความเชื่อ ฯลฯ ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจสิทธิมนุษยชน เราก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้สิทธิของผู้ชายหรือสิทธิของผู้หญิงให้มันรกสมองเปล่าๆ นั่นเองค่ะ
พูดแบบนี้หลายๆ คนก็อาจจะยังงงอยู่ เนื่องใน วันสิทธิมนุษยชน ประจำปีนี้ Pynpy’ จึงอยากพาเพื่อนๆ ไปทำความเข้าใจสิทธิมนุษยชนกันแบบง่ายๆ ค่ะ
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นชนวนให้เกิด ‘วันสิทธิมนุษยชน’
ก่อนทำความเข้าใจสิทธิมนุษยชนแบบลงลึก หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วไอ้วันสิทธิมนุษยชนเนี่ยเกิดขึ้นได้ยังไง Pynpy’ เลยขอพาทุกคนย้อนไทม์แมชชีนกันนิดนึงค่ะ
- จริงๆ แล้วมนุษย์เราก็ประท้วงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมกันอยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่เพิ่งจะมาเอาจริงเอาจังหลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว คนเพศหลากหลาย และผู้พิการกว่า 6 ล้านคน ทำให้คนกลัวว่าวันนั้นจะต้องมาถึงตัวเองบ้าง
- องค์การสหประชาชาติจึงเกิดขึ้นเพื่อเสริมสร้างสันติภาพระหว่างประเทศ และนั่นจึงเป็นที่มาที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในวันที่ 10 ธันวา 1948 ค่ะ ว่าทุกคนบนโลกใบนี้จะต้องได้รับสิทธิในตัวเองอย่างเท่าเทียมกันค่ะ
- ท้าดาาาา แล้ววันสิทธิมนุษยชนก็เกิดขึ้น!
เอาล่ะค่ะ อุ่นเครื่องเรียบร้อย ทีนี้ก็ไปลงลึกกับวันสำคัญวันนี้กันได้เล้ย
สิทธิมนุษยชนคืออะไร?
โอเคๆ มาลงลึกกันแบบไม่ยากกันค่ะ หลายคนก็คงสงสัยว่าแล้วจริงๆ เจ้าสิทธิมนุษยชนเนี่ยมันแปลว่าอะไรกันนะ
- สิทธิมนุษยชนก็คือสิทธิที่ติดตัวมนุษย์ทุกคนมาตั้งแต่เกิดโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ เพศ สัญชาติ ชาติพันธุ์ ภาษา ศาสนา หรือสถานะอื่นใดค่ะ
- เจ้าสิทธิมนุษยชนเนี่ย ครอบคลุมตั้งแต่สิทธิในชีวิตและเสรีภาพ เสรีภาพจากการเป็นทาสและการทรมาน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก สิทธิในการทำงานและการศึกษา สิทธิอื่นๆ อีกมากมายโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
- ถ้ายังนึกไม่ออกว่าสิทธิมนุษยชนนั้นดียังไง Pynpy’ จะยกตัวอย่างให้ฟังค่ะ หลักๆ แล้ว สิทธิมนุษยชนทำให้คนตระหนักว่าทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันจึงทำให้เกิด
- การเรียกร้องความเป็นธรรมให้คนผิวดำ ทำให้คนผิวดำได้ใช้ชีวิตปกติแบบคนผิวขาว ไม่ต้องแยกห้องน้ำ ไม่ต้องขับรถเฉพาะเวลากลางวัน ไม่ต้องถูกทำร้ายทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ฯลฯ
- การเรียกร้องความเท่าเทียมให้คนเพศหลากหลายจนหลายๆ ประเทศให้สิทธิในการแต่งงานและจดทะเบียนแก่กลุ่ม LGBTQ+
- การเรียกร้องให้แรงงานได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรมและเกิดกฎหมายแรงงานขึ้น
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วมนุษย์เมนส์อย่างเราๆ ได้อะไรกันล่ะ ตาม Pynpy’ มาฟังกันต่อเลยค่า
มนุษย์เมนส์ได้รับประโยชน์จาก ‘วันสิทธิมนุษยชน’ ยังไง?
นอกจากคนที่ Pynpy’ ยกตัวอย่างในข้อที่แล้ว เพื่อนๆ รู้มั้ยคะว่าวันสิทธิมนุษยชนซึ่งสร้างความตระหนักรู้เรื่องความเท่าเทียมและสิทธิในร่างกายตัวเองเนี่ยยังเป็นผลดีกับชาวเมนส์มากๆ นะคะ ไม่ว่าจะเป็น
- สิทธิที่จะเรียนแบบผู้ชาย
- สิทธิที่จะทำงานอะไรก็ได้ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ให้เป็นแม่บ้าน
- สิทธิที่จะแต่งตัวตามความชอบโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสายตาใครๆ
- สิทธิในการเข้าถึงสิ่งรองรับประจำเดือนและสิทธิในการเรียนรู้เรื่องประจำเดือนและร่างกายตัวเอง เพื่อลบความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับประจำเดือน ลดการหลุดออกจากการศึกษาเพียงเพราะไม่มีเงินซื้อผ้าอนามัย
- หลายๆ ประเทศมอบผ้าอนามัยให้ชาวเมนส์ใช้กันฟรีๆ เพราะเป็นสิทธิตามร่างกายที่พึงได้ บางประเทศผ้าอนามัยก็ปลอดภาษี
- เริ่มมีการผลิตสิ่งรองรับประจำเดือนรูปแบบต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้ชาวเรามีสิทธิที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รองรับประจำเดือนแบบไหนก็ได้ ทั้งแบบถ้วย แบบดิสก์ แบบสอด แบบกางเกงในอนามัยอย่าง Pynpy’ หรือใครจะปล่อยให้เมนส์ไหลไปเลยก็ย่อมได้ค่ะ
เพราะสิทธิที่จะเลือกข้อนี้แหละค่ะที่ทำให้กางเกงในอนามัย Pynpy’ เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยให้ชาวเมนส์ทุกคนเลือกที่จะใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างอิสระเสรี และเพราะเหตุผลเดียวกัน Pynpy’ จึงมาเล่าเรื่องวันสิทธิมนุษยชนให้ทุกคนได้ฟังนั่นเองค่ะ
ฉลอง ‘วันสิทธิมนุษยชน’ กับกางเกงในอนามัย Pynpy’ ที่อยากให้ชาวเมนส์ทุกคนได้รับอิสระในร่างกาย
หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า Pynpy’ จะช่วยสนับสนุนสิทธิเสรีภาพของชาวเมนส์ได้ยังไงกันบ้าง ขอบอกเลยค่ะว่าทุกการออกแบบกางเกงในอนามัย Pynpy’ เนี่ยเต็มไปด้วยความเชื่อที่ว่าทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยมีสิทธิและเสรีภาพอย่างเท่าเทียมกันค่ะ
- กางเกงในอนามัย Pynpy’ เกิดขึ้นมาเพราะอยากให้มนุษย์เมนส์ทุกคนมีทางเลือกมากกว่าผ้าอนามัยที่ทั้งไม่เป็นมิตรกับเรา กับโลก และเงินในกระเป๋า จึงทำให้ CEO ของเราปิ๊งไอเดียนวัตกรรมกางเกงในอนามัยที่ซึมซับประจำเดือนได้โดยไม่ต้องใส่ผ้าอนามัย!
- ซึมซับเทียบเท่าผ้าอนามัย 2 ชิ้น ใส่ได้นาน 8-12 ชั่วโมงแต่ซึมซับดีเยี่ยมและคล่องตัว ช่วยเสริมความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆ แม้จะเป็นวันนั้นของเดือน
- แถมยังมีนวัตกรรมแอนตี้แบคทีเรียที่ปลอดภัยกับทุกคน ช่วยให้เพื่อนๆ มีสุขอนามัยที่ดี ไม่เสี่ยงติดเชื้อแบบการใช้ผ้าอนามัยทั่วไปหรือผ้าอนามัยแบบสอด
- มีให้เลือกถึง 11 ไซส์ รองรับชาวเมนส์ทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติเพื่อมอบความสบายให้เพื่อนๆ อย่างเท่าเทียม
- ส่วนคนวัยหมดเมนส์แล้ว กระทั่งคุณแม่เพิ่งคลอดก็ใช้ป้องกันปัสสาวะเล็ดได้ด้วยน้า เห็นมั้ยคะว่า Pynpy’ ใส่ใจทุกคนสุดๆ ไปเลย
อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆ คงสนใจแล้วใช่มั้ยล่า Pynpy’ เชียร์ให้เพื่อนๆ เข้าไปอ่านรีวิวของผู้ใช้จริงได้เลยค่ะว่ากางเกงในอนามัย Pynpy’ นั้นสนับสนุนทุกคนอย่างเท่าเทียมยังไง และช่วยเสริมสร้างอิสระในชีวิตของทุกคนแบบไหน หรือถ้าใครอยากลองเดี๋ยวนี้ก็เข้าไปช้อปที่เว็บไซต์ได้เลย หรือจะทักมาคุยกันก่อนทั้งช่องทาง Facebook, Instagram, Twitter, Youtube หรือ Line ก็ได้น้า
เราไม่จำเป็นต้องฉลองวันสิทธิมนุษยชนแค่วันที่ 10 ธันวาคมก็ได้ แต่เราสามารถเฉลิมฉลองสิทธิมนุษยชนของตัวเองและคนอื่นๆ ได้ทุกวันเลยนะคะ ว่าแต่บนโลกใบนี้จะมีวันสำคัญอื่นๆ ที่สำคัญต่อเรายังไง เดี๋ยว Pynpy’ จะมาเล่าให้ฟังใหม่นะค้า