ปวดหัว ปวดใจ ปวดอะไรก็ไม่เท่า “ปวดประจำเดือน” ใช่ไหมคะเพื่อนๆ ทุกคน เพราะบางเดือนก็ปวดน้อย แต่บางเดือนก็ปวดหนักจนต้องนอนพักร่างเป็นครึ่งค่อนวันกันเลยทีเดียว วันนี้ Pynpy’ จะพาทุกคนไปหาคำตอบกันค่ะ ว่าทำไมเราถึงต้องปวดประจำเดือน นี่เราปกติหรือเปล่า รวมทั้งตัวช่วยดีๆ ที่จะบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้นได้!
ทำความรู้จักกับ “อาการปวดประจำเดือน” กันก่อน
ก่อนที่จะไปค้นหาว่า ทำไมเราถึงต้องปวดท้องกันอยู่ทุกเดือน และทำอย่างไรถึงจะหาย เริ่มแรก Pynpy’ ขอเล่าให้ฟังก่อนนะคะว่า อาการปวดประจำเดือนนั้นมีลักษณะอย่างไร เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้รู้จักอาการนี้อย่างถูกต้อง
โดยส่วนใหญ่ อาการปวดท้อง จะเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน หรือในช่วงแรกขณะที่กำลังมีประจำเดือนค่ะ ลักษณะอาการของแต่ละคนนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปนะคะ มีตั้งแต่ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยนิดหน่อย ไปจนถึงอาการปวดขั้นรุนแรง อาจจะร้าวบริเวณด้านหลัง และต้นขาควบคู่กันไป นอกจากนี้ยังพบว่า อาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ และถ่ายเหลว เป็นต้นค่ะ
ทำไมถึงรู้สึกปวดประจำเดือน?
สำหรับสาเหตุของการปวดประจำเดือนนั้น เกิดจากสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน ที่ชื่อว่า โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin) ซึ่งก่อตัวขึ้นที่เยื่อบุโพรงมดลูกระหว่างมีประจำเดือนค่ะ โดยสารโพรสตาแกลนดินจะทำให้กล้ามเนื้อบีบตัวและหดเกร็งคล้ายกับอาการเจ็บปวดขณะคลอดบุตร นอกจากนั้นยังทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสียอีกด้วย และยิ่งร่างกายหลั่งสารโพรสตาแกลนดินมากเท่าไร ยิ่งเพิ่มความรุนแรงของอาการบีบรัดมากขึ้นเท่านั้นค่ะ นี่จึงเป็นที่มาที่ทำให้เพื่อนๆ รู้สึกปวดประจำเดือนยิ่งขึ้นนั่นเอง
นี่เรา ‘ผิดปกติ’ หรือเปล่า?
ในปัจจุบัน เรามักจะได้ยินมากขึ้นนะคะว่า อาการปวดประจำเดือน อาจเป็นสัญญาณเตือนของภัยเงียบที่ก่อตัวขึ้นในร่างกายที่เราไม่รู้ตัว เพราะบางทีอาการปวดประจำเดือนก็ไม่ได้เกิดจากการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก และสารโพรสตาแกลนดินเท่านั้น ในบางครั้งอาการปวดประจำเดือนยังอาจเกิดจากการผิดปกติของมดลูก หรืออวัยวะสืบพันธุ์อื่นๆ ได้เช่นกันนะคะ เช่น
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ การที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญนอกมดลูก และยังคงทำหน้าที่สร้างประจำเดือนตามปกติ ส่งผลให้อาจมีประจำเดือนในอุ้งเชิงกรานบริเวณเยื่อบุมดลูกไปเกาะในแต่ละรอบเดือนค่ะ อาการผิดปกตินี้จะทำให้เพื่อนๆ มีอาการปวดท้องจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในประจำวัน ความรุนแรงของอาการปวดท้องมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือน จนต้องกินยาในปริมาณที่มากขึ้น หรือมีฤทธิ์แรงขึ้น จนอาจไปถึงขั้นต้องไปฉีดยาแก้ปวด ต่างกับการปวดท้องประจำเดือนธรรมดาที่จะมีความปวดเท่าเดิมทุกๆ เดือนนะคะ
- เนื้องอกมดลูก ส่วนใหญ่จะไม่ใช่เนื้อร้ายนะคะ และมีขนาดได้ตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ ใครที่มีเนื้องอกมดลูกจะส่งผลให้มีปริมาณของเลือดประจำเดือนมาก จนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมง ประจำเดือนเป็นก้อนหรือมีลิ่มเลือดปะปน และมีประจำเดือนนานกว่า 8 วัน มีอาการปวดหน่วงที่ท้องน้อย หรือปวดหลังส่วนล่างแบบเรื้อรัง ร่วมกับอาการท้องผูกเรื้อรัง และเมื่อคลำที่ท้องน้อยจะรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้ออยู่ภายในบริเวณดังกล่าวค่ะ
- อุ้งเชิงกรานอักเสบ เพื่อนๆ คนไหนที่มีอาการปวดที่อุ้งเชิงกรานในช่วงวันนั้นของเดือน อาจเป็นเพราะอุ้งเชิงกรานอักเสบได้นะคะ โดยเป็นความผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลให้ปวดช่วงล่าง หรือท้องน้อย และมีอาการปวดมากขณะมีเพศสัมพันธ์ หลังมีเพศสัมพันธ์อาจมีเลือดออกอีกด้วย ในวันนั้นของเดือน ประจำเดือนก็มามากและนานกว่าปกติ และเมื่อสังเกตดีๆ จะพบว่า ตกขาวของเพื่อนๆ จะมีกลิ่น และมีสีที่เปลี่ยนไปด้วยนะคะ
เมื่อพบว่า เรามีอาการที่เข้าข่ายเป็นเหมือนที่ Pynpy’ บอกเล่ามาข้างต้น เพื่อนๆ ควรหาเวลาไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อที่จะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมนะคะ หรือหาก มีอาการปวดประจำเดือนแล้วกินยาก็ไม่หาย ยิ่งปวดมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มีอาการไข้ปะปน มีเลือดประจำเดือนมากกว่าปกติ จนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยระหว่างคืน อาการเหล่านี้ก็ถือเป็นอาการผิดปกติที่เพื่อนๆ ควรไปหาคุณหมอเช่นกันค่ะ
ทำอย่างไรให้หายปวดประจำเดือน…ในวันที่ไม่อยากใช้ยา!
สำหรับใครที่ไม่อยากใช้ยาในการช่วยลดอาการปวดประจำเดือน วันนี้ Pynpy’ มี 4 วิธีดีๆ ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนที่ทำได้ง่ายๆ มาฝากกันค่ะ
- ประคอบร้อน การประคบร้อนเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนที่เรารู้จักกันมาอย่างยาวนานเลยนะคะ ไม่ว่าจะด้วยกระเป๋าน้ำร้อน ถุงน้ำร้อน หรือแผ่นแปะแก้ปวดชนิดให้ความร้อนที่หาซื้อได้ง่าย และใช้งานได้อย่างสะดวกสบายในปัจจุบัน โดยความร้อนที่แผ่ออกมาจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลาย อาการปวดประจำเดือนจึงทุเลาลงค่ะ ใครจะเพิ่มการจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ ควบคู่ไปด้วยก็ยิ่งดีเลยนะคะ
- นวดท้องด้วยน้ำมันหอมระเหย วิธีนี้หลายๆ คนต้องชื่นชอบแน่นอน เพราะนอกจากน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายตั้งแต่สูดดมแล้ว ยังมีผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า การใช้นำ้มันหอมระเหยนวดบริเวณท้องน้อย ทำให้อาการปวดประจำเดือนดีขึ้นค่ะ กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยที่เหมาะ คือ ลาเวนเดอร์ เสจ (sage) กุหลาบ มาเจอร์แรม (marjoram) อบเชย และกานพลู โดยก่อนนำมาใช้นวด จะต้องผสมกับน้ำมันมะพร้าวก่อนนะคะ และลองสัมผัสกับร่างกายในบริเวณเพียงเล็กน้อย เพื่อดูว่าแพ้หรือไม่ ถ้าไม่แพ้ก็ใช้นวดวนเบาๆ ที่หน้าท้องได้เลย
- ออกกำลังกาย พับความเชื่อผิดๆ ที่คิดว่า ช่วงมีประจำเดือนต้องนอนอย่างเดียวได้เลยค่ะ เพราะความจริงแล้ว เราสามารถออกกำลังกายขณะมีประจำเดือนได้น้า แถมยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้อีกด้วย โดยเพื่อนๆ อาจจะเต้นแอโรบิกเบาๆ เดินเร็ว หรือเล่นโยคะก็ได้ค่ะ
- เลือกกินอาหารที่เหมาะสม จะช่วยลดเรื่องอาการปวดเกร็งในช่องท้อง เพื่อนๆ ฟังทางนี้ค่ะ! การกินอาหารที่ถูกต้องก็ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนของเราได้เช่นกัน โดยให้เน้นกินอาการที่มีแมกนีเซียม ผักสดและผลไม้ รวมทั้งลดอาหารที่มีไขมัน เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขนมหวานด้วยน้า
เพียงเท่านี้ ทุกคนก็จะรับมือกับอาการปวดประจำเดือนที่แวะเวียนมาตลอดๆ ได้อย่างแน่นอนค่ะ
คืนความสบายให้กับร่างกายด้วย Pynpy’ กันดีกว่า
หากใครที่ทรมานกับอาการปวดท้องประจำเดือนแล้วยังไม่พอ ยังต้องทรมานกับอาการแพ้ หรืออาการอึดอัดจากการใส่ผ้าอนามัยอีก Pynpy’ อยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ลองมาใช้ กางเกงในของ Pynpy’ ที่สามารถใช้แทนผ้าอนามัยได้เลย! ดูนะคะ
นั่นแน่! ดูยังไงก็เหมือนกางเกงในที่ใครๆ ก็มีใช่ไหมล่าาา… แต่ขอบอกเลยนะคะว่า กางเกงในอนามัยของเรานั้น ซึมซับดีเยี่ยม ระบายอากาศเริ่ด เพราะผ่านการคิดค้น และผลิตด้วยนวัตกรรมการทอผ้าแบบพิเศษที่ดูดซึมของเหลวได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีการไหลย้อนกลับ ทำให้แม้เพื่อนๆ ที่กำลังเผชิญอยู่กับอาการปวดท้องประจำเดือนแบบสุดๆ ยังรู้สึกสบายตัว สบายใจ ไร้กังวลทุกการขยับตัวอย่างแน่นอนค่ะ
แล้วพบกันใหม่ ในทุกช่องทางในโซเซียลมีเดียของเรา ทั้ง Facebook, Instagram, YouTube, Twitter รวมถึงใน LINE นะคะ วันนี้ Pynpy’ ไปก่อนแล้วค้าา